สุดช็อก”หนุ่มแต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีอะไรด้วย สะกดรอยตามจนรู้ความจริง เข่าทรุดทันที

การแต่งงานคือช่วงเวลาแห่งความสุขของคู่รัก แต่สำหรับชายหนุ่มวัย 26 ปีจากอินโดนีเซีย กลับกลายเป็นฝันร้ายที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต หลังจากแต่งงานกับหญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็น “รักแท้” ได้เพียง 12 วัน เขากลับค้นพบความจริงที่ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันโดยสิ้นเชิง
ความรักที่เริ่มต้นจากโลกออนไลน์
เรื่องราวนี้เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว ชายหนุ่มพบหญิงสาวผ่านอินสตาแกรม หลังจากนั้นทั้งสองได้สานสัมพันธ์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์นานเกือบปี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนชายหนุ่มมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันในวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา แต่ในวันแต่งงาน ฝั่งเจ้าสาวกลับไม่มีแขกหรือญาติมาร่วมงานเลย ซึ่งเธออ้างว่าไม่มีครอบครัวหลงเหลืออยู่แล้ว ชายหนุ่มไม่ได้สงสัยอะไร และการแต่งงานก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
ชีวิตคู่ที่เริ่มต้นอย่างแปลกประหลาด
หลังจากแต่งงาน ความแปลกประหลาดก็เริ่มปรากฏขึ้น ภรรยาของเขาปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์ และมักสวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด แม้กระทั่งเวลาที่อยู่ในบ้าน ชายหนุ่มพยายามพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ แต่ก็ได้รับคำตอบที่คลุมเครือเสมอ
ความจริงที่ถูกเปิดเผย
หลังจากพยายามอดทนมานานถึง 12 วัน ชายหนุ่มเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของภรรยา เขาตัดสินใจสะกดรอยตามเธอ และในที่สุดก็พบว่าภรรยายังมีครอบครัวอยู่ครบ ไม่ได้ไร้ญาติอย่างที่เธอเคยอ้าง เมื่อเขาได้พูดคุยกับครอบครัวของเธอ ความจริงอันน่าตกใจก็ถูกเปิดเผย
แท้จริงแล้ว ภรรยาของเขาเป็น “ผู้ชาย” ที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด!
—
เบื้องหลังการหลอกลวง
ชายหนุ่มช็อกหนักเมื่อภรรยายอมรับว่าแต่งงานเพื่อหลอกลวงและขโมยทรัพย์สินของครอบครัวเขา เธอสารภาพว่ามีประวัติการหลอกลวงในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2563 โดยการปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ
ผลลัพธ์ทางกฎหมาย
หลังจากรู้ความจริง ชายหนุ่มได้แจ้งความต่อตำรวจทันที ผู้กระทำผิดถูกจับกุมและอาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 4 ปีในข้อหาฉ้อโกง
—
เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากโลกออนไลน์ ควรมีการศึกษาพื้นฐานของอีกฝ่ายให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานหรือมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ชายหนุ่มคนนี้คือหนึ่งในเหยื่อของการหลอกลวงที่แฝงตัวอยู่ในโลกไซเบอร์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้
คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? แชร์มุมมองของคุณในคอมเมนต์ด้านล่างเลย!