สงครามโลกใกล้มาแล้ว! คิม จอง อึน ประกาศแผนยุทธศาสตร์ต่อต้านสหรัฐฯ ขั้นรุนแรงที่สุด ก่อน ‘ทรัมป์’ รับตำแหน่ง

ในช่วงที่โลกกำลังจับตามองการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ภายใต้การขึ้นตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ที่ถือว่าเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดต่อสหรัฐฯ ที่เคยมีมา โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2017 คำประกาศนี้จึงถือเป็นการสร้างความตึงเครียดและเป็นการยืนยันถึงการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ไม่ยอมถอยของเกาหลีเหนือในการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจจากฝั่งตะวันตก
การประกาศแผนยุทธศาสตร์ใหม่: ยุทธศาสตร์ขั้นรุนแรงที่สุด
คิม จอง อึน ได้เผยแผนยุทธศาสตร์ใหม่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเกาหลีเหนือจะดำเนินการตอบโต้ด้วยการปรับทิศทางยุทธศาสตร์ทางทหารให้มีความเข้มข้นและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งการประกาศนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2017
ผู้นำเกาหลีเหนือได้กล่าวว่าแผนยุทธศาสตร์ที่ออกมาใหม่จะเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตยของเกาหลีเหนืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และการเสริมสร้างกองทัพให้มีประสิทธิภาพในการตอบโต้ภัยคุกคามจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ ทำลายความมั่นคงในภูมิภาคได้อย่างง่ายดาย
การประกาศนี้ทำให้เกิดการจับตาจากนักวิเคราะห์และรัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งขณะนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงการบริหารในระดับสูงสุด ทรัมป์ซึ่งได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีในปี 2016 มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ และได้ประกาศว่าเขาจะไม่ยอมให้เกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถคุกคามสหรัฐฯ ได้ ทำให้คำประกาศของคิม จอง อึน ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือในเวลานั้นส่งผลต่อการทูตและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับพันธมิตรในเอเชียตะวันออกและความพยายามในการควบคุมความเสี่ยงจากการทหารในคาบสมุทรเกาหลี
หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ที่คิม จอง อึน เน้นย้ำคือการพัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเสริมสร้างขีปนาวุธที่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบโต้การโจมตีจากสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค
การทดสอบขีปนาวุธในปี 2017 ของเกาหลีเหนือได้รับการจับตามองจากทั่วโลก เมื่อเกาหลีเหนือสามารถทดสอบขีปนาวุธที่มีพิสัยยิงไกล และสามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งแสดงถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารของเกาหลีเหนือ และเพิ่มความกังวลให้กับประเทศในภูมิภาค รวมถึงสหรัฐฯ ที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางทหารจากเกาหลีเหนือที่มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
การประกาศของคิม จอง อึน ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ต้องดำเนินการตอบโต้โดยการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งมีเป้าหมายในการบีบบังคับให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค และเพิ่มการฝึกซ้อมทางทหารเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
คำประกาศของคิม จอง อึน เกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ต่อต้านสหรัฐฯ ขั้นรุนแรงที่สุดในปี 2017 ถือเป็นการสะท้อนถึงความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ และเป็นการประกาศว่าการเผชิญหน้าทางทหารและการทูตระหว่างสองประเทศนี้จะยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญในหลายปีต่อมา
การที่คิม จอง อึน เลือกที่จะประกาศแผนยุทธศาสตร์นี้ก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี ถือเป็นการวางรากฐานสำหรับการเผชิญหน้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นการเตือนให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความมุ่งมั่นของเกาหลีเหนือในการปกป้องอธิปไตยของตนเองอย่างไม่ยอมถอย แม้จะมีความท้าทายจากมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็ตาม
ที่มา: BBC