เปิดเบื้องหลัง’คุกอันตรายที่สุดในโลก’ เปิด 1 ปี นักโทษ 4 หมื่น ทำไมผู้คุมต้องปิดหน้า?”

ในปี 2023 ประเทศเอลซัลวาดอร์ ประเทศเล็กๆ ในอเมริกากลาง ได้เผชิญหน้ากับปัญหาแก๊งอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบสุขของสังคม รัฐบาลจึงตอบโต้ด้วยการเปิด “ศูนย์กักกันผู้ก่อการร้าย” (Center for the Confinement of Terrorism) ซึ่งเป็นเรือนจำที่ถูกขนานนามว่า “คุกอันตรายที่สุดในโลก”
ศูนย์กักกันแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง เทโกลูกา ใจกลางประเทศเอลซัลวาดอร์ โดยมีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวาง และอาคารคุมขังทั้งหมด 8 แห่ง สามารถรองรับนักโทษได้มากถึง 40,000 คน ภายในเวลาเพียง 1 ปีที่เปิดใช้งาน มีนักโทษจำนวนมากที่ถูกส่งมาขังในสถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มแก๊งอาชญากรรมที่ก่อเหตุรุนแรง เช่น การฆาตกรรม การค้ายาเสพติด และการก่ออาชญากรรมต่างๆ
นักโทษส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มในวัย 20 ปี มีรอยสักที่บ่งบอกถึงการสังกัดแก๊ง โดยทุกคนต้องถูกโกนศีรษะ และสวมชุดนักโทษสีขาว ซึ่งเป็นเครื่องแบบมาตรฐานของที่นี่
มาตรการความปลอดภัยที่ไม่ธรรมดา
1. ผู้คุมต้องปกปิดใบหน้า
หนึ่งในมาตรการที่น่าสนใจคือ ผู้คุมทุกคนต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เพื่อป้องกันการถูกระบุตัวตนและแก้แค้นจากนักโทษหรือเครือข่ายของพวกเขาที่อยู่นอกเรือนจำ
2. ห้องขังที่เรียบง่ายและขาดความสะดวกสบาย
ห้องขังแต่ละห้องมีพื้นที่จำกัด รองรับนักโทษได้ประมาณ 100 คน ภายในมีเพียงโครงเตียงโลหะและห้องน้ำแบบเปิดโล่ง ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น นักโทษจะถูกจำกัดให้ออกจากห้องขังได้เพียงวันละ 30 นาที
3. อาหารเพื่อความอยู่รอด
อาหารที่ให้กับนักโทษถูกจัดเตรียมตามหลักโภชนาการขั้นพื้นฐาน เช่น ถั่ว ข้าว และชีส โดยนักโทษต้องใช้มือเปล่ารับประทานอาหาร เพื่อป้องกันการใช้ช้อนส้อมหรือมีดเป็นอาวุธ
4. ระบบป้องกันการสื่อสารจากภายนอก
บริเวณเรือนจำมีการบล็อกสัญญาณโทรศัพท์มือถืออย่างสมบูรณ์ นักโทษถูกห้ามติดต่อกับครอบครัวหรือเครือข่ายแก๊งที่อยู่นอกเรือนจำ นอกจากนี้ยังมีแนวสายเหลืองกั้นบริเวณหน้าห้องขังเพื่อป้องกันการหลบหนี
5. การรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด
เรือนจำแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 1,000 คน และทหารอีก 600 นาย ประจำการอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการจลาจลจากนักโทษหรือการโจมตีจากภายนอก
ตั้งแต่ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล เข้ารับตำแหน่งในปี 2019 เขาได้เริ่มปฏิบัติการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมอย่างจริงจัง โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งได้มากถึง 80,000 คน และลดอัตราการฆาตกรรมในประเทศลงอย่างมาก
จากข้อมูลของรัฐบาล ระบุว่าก่อนการดำเนินการครั้งนี้ เอลซัลวาดอร์มีคดีฆาตกรรมในอัตราที่สูงที่สุดในโลก แต่หลังจากการปราบปราม แก๊งอาชญากรรมกลับลดลงเหลือเพียง 1/50 ของอัตราเดิม ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของประเทศ
แม้ว่ามาตรการของเอลซัลวาดอร์จะช่วยลดอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรนานาชาติ ที่มองว่าการควบคุมตัวนักโทษจำนวนมากในสถานที่เดียว อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ต้องหา