Jimbo 
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 กลายเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าประสบการณ์สุดสะเทือนใจในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” เกี่ยวกับการพบแม็กเย็บกระดาษในจานผลไม้ที่ได้รับจากโรงแรมระหว่างงานเลี้ยง พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยในอาหาร
ผู้โพสต์ซึ่งเป็นคุณแม่ที่พาลูกน้อยวัย 3 ขวบ 9 เดือนไปร่วมงานเลี้ยง เผยว่าเธอได้ยกจานผลไม้ให้ลูกเลือกหยิบทานเองโดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน แต่โชคดีที่ลูกน้อยไม่ชอบรับประทานแครอทและแตงกวา ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีแม็กเย็บกระดาษติดอยู่เพื่อใช้ตกแต่งจาน หลังจากนั้นเธอจึงได้สังเกตเห็นและรู้สึกตกใจอย่างมาก
ในโพสต์ดังกล่าว คุณแม่ตั้งคำถามที่ทำให้หลายคนฉุกคิดถึงมาตรฐานของการจัดเตรียมอาหารในสถานที่จัดเลี้ยง โดยเฉพาะการนำวัตถุที่ไม่สามารถรับประทานได้ เช่น แม็กเย็บกระดาษ มาตกแต่งอาหารบนจาน ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหากเผลอกลืนกินเข้าไป
“ในฐานะผู้บริโภคที่จ่ายเงิน เราควรได้รับอาหารที่ปลอดภัย 100% และในฐานะคนเป็นแม่ หากลูกกินแม็กเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น? แค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวมากแล้ว” ผู้โพสต์ระบายความรู้สึก
โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในเวลาอันรวดเร็ว มีสมาชิกในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นี้อย่างหลากหลาย เช่น
“แม็กในจานอาหาร? ไม่สมควรเลยค่ะ ต่อให้ใช้ตกแต่งจานก็ไม่ควรมีสิ่งที่กินไม่ได้”
“การใช้วัตถุที่ไม่สามารถรับประทานได้ในจานอาหารถือเป็นความมักง่าย ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค”
“เคยดูรายการทำอาหาร เชฟระดับโลกเคยบอกไว้ว่าทุกอย่างที่ใส่ลงในจานต้องกินได้ ไม่ควรมีข้อยกเว้น”
“สนับสนุนให้ร้องเรียนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารข้างทางหรือโรงแรมมาตรฐานสูง สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ:
สำหรับผู้บริโภค:
ควรตรวจสอบอาหารก่อนรับประทาน โดยเฉพาะเมื่อต้องให้เด็กหรือผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงรับประทาน
สำหรับผู้ประกอบการ:
ควรตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยในอาหาร ทุกส่วนที่อยู่ในจานต้องสามารถรับประทานได้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้า
กรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดด้านกฎหมายอาหารและสุขอนามัย หากผู้บริโภคเลือกดำเนินการทางกฎหมาย ผู้ประกอบการอาจถูกลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานอาหารและการให้บริการที่ปลอดภัย
